นครปฐม ผบช.ภ.7แถลงผลการจับแก๊งค์ลักอุปกรณ์เสาสัญญาณ ทรู เสียหายกว่า24ล้านบาท
วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายผู้ก่อเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 7 รวมจับกุม 3 คดี ผู้ต้องหา 6 คน ของกลางรวม 26 รายการเฉพาะอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ จำนวน 11 รายการ รวมทั้งสิ้น 314 ชิ้น-มูลค่าความเสียหายประมาณ 24,300,000 บาท
โดยในช่วงตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – 8 มกราคม 2568 ได้เกิดเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 12 คดuประกอบด้วยพื้นที่ จังหวัดนครปฐม จำนวน 4คดี จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 7 คดี และ จังหวัดราชบุรี จำนวน 1 คดีซึ่งเมื่อวันที่ 2 – 3 ม.ค.68 ได้เกิดเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.โพธิ์แก้ว ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.68ฝ่ายสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งจับกุมตัว นายคณิน หรือนิน สงวนนามสกุล นายวิวัฒน์ หรือแม๊ก สงวนนามสกุล และนายรพีพัฒน์ หรือไนซ์ สงวนนามสกุล พร้อมด้วยของกลางอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ BASEBAND จำนวน 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ชุดที่สวมใส่ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุ ต่อมากองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 (กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.7) ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.68 นายคณินฯ และนายรพีพัฒน์ฯ ยังได้ก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ สภ.สามควายเผือกอีกด้วย โดยมีนายเอกภพฯ เป็นหัวหน้าเครือข่ายลักทรัพย์ในขบวนการนี้ พนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้จับกุมตัวนายเอกภพฯ พร้อมด้วยของกลางชุดที่สวมใส่ในการก่อเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนทราบว่านายเอกภพฯ เคยเป็นอดีตพนักงานรับจ้างติดตั้ง และรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ โดยได้ก่อเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์พร้อมกับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ มาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย.67 จนกระทั่งครั้งล่าสุดก่อเหตุลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ทุกครั้งที่ก่อเหตุ นายเอกภพฯ จะส่งพิกัดที่ตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่จะเข้าไปลักให้กับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ เพื่อเข้าไปก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำ เสาสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นจะนำทรัพย์ที่ได้จากการก่อเหตุ ส่งต่อให้กับผู้รับซื้อ ผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน Lalamove มีพิกัดผู้รับปลายทางอยู่ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี โดยมี น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ เป็นคนชำระค่าจัดส่งดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้รับซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจาก นายเอกภพฯ ทราบว่า คือ นายการุณฯ วันที่ 10 ม.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายการุณฯ ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจยึดอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ พบตัวนายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ อยู่ภายในบ้าน หลังดังกล่าว และตรวจพบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)จำนวน 19 ชิ้น อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครปฐม ศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับ นายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันรับของโจร” จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลาง และนายการุณฯ ให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวมาจริง และ ทำการเช่าโกดังไม่มีเลขที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ไว้อีกที่หนึ่ง เพื่อเก็บรักษาอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่รับซื้อมา ระหว่างรอจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อ ที่จะมารับซื้อต่อจากนายการุณฯ อีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายการุณฯ ไปทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว พบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)จำนวน 291 ชิ้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ และได้นำตัว นายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนจับกุมเครือข่ายลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่าจะมีผู้รับซื้อ ชาวจีนมาซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจากเครือข่ายที่ถูกจับกุมแล้วให้จัดส่งไปยังที่อยู่ปลายทางในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้ทำการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับเครือข่ายดังกล่าวต่อไป
กฤษฎิ์เชณฐื ดลชัยกรร์สกุล