นครปฐม ม.ล.ปนัดดา พบปะเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนฯ
ม.ล.ปนัดดา แนะเยาวชน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯ จ.นครปฐม ความสำคัญของการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ต้องเริ่มจากความซื่อสัตย์สุจริตและความกตัญญูเป็นพื้นฐาน
วันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิศรีสวางควัฒน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, กรรมาธิการวิสามัญผู้ทรงคุณวุฒิการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา, ประธานพิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เยี่ยมและพบปะกับผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานราชการ ครูอาจารย์ นักสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายปกครอง บุคลากรในสังกัด และบรรยายพิเศษ เรื่อง “ความเพียร ซื่อตรง เป็นสุภาพชน คือ นวัตกรรมเพื่อการสืบสาน รักษา และต่อยอด” แก่ลูกหลานเยาวชน ณ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครปฐม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โอกาสนี้ หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวในความตอนหนึ่งว่า “ความสำคัญของการดำรงตนให้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ พึงเริ่มต้นจากความซื่อสัตย์สุจริตและความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นฐานก่อน และสิ่งนี้เองจะนำพาสู่ความรู้รักสามัคคีในหมู่คนในชาติ ตั้งแต่ระดับครอบครัวจนถึงระดับชาติ ลูกหลานเยาวชนทุกคนต้องมีความตระหนักและร่วมกันเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อลูกหลานเยาวชนทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกัน ณ บ้านอันอบอุ่นหลังนี้ ต้องรักกัน รักผู้บริหาร ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครปฐม ซึ่งทุกท่านถือเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาต่อลูกหลานเยาวชนด้วยความตั้งใจและจริงใจ
ดังนั้น เมื่อออกจากการอบรมดูแลของบ้านอันอบอุ่นแห่งนี้แล้ว ขอให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมและกฎหมายของบ้านเมือง นำบทเรียนชีวิตที่ผ่านมาเป็นเครื่องสอนเตือนใจ มิให้มีการคิดและกระทำเช่นนั้นอีก น้อมนำพระราชดำรัสคำสอน “รู้รักสามัคคี” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชปณิธาน “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบัน มุ่งมั่นในการทำสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ใช้สติปัญญานำหน้าชีวิตสู่ความสำเร็จ พัฒนาต่อยอดทางการศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งประสบการณ์ชีวิต เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับครอบครัว สังคม และชาติบ้านเมืองสืบไป”