บวงสรวงพญายมราช เปิดยมโลก บูชาต่อชะตาเสริมดวง
หลวงพี่น้ำฝน กล่าว เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักพญายมราช
พญายมราชคืออะไรกันแน่ คนที่มีอายุหน่อยอาจจะคุ้นเคยกับพญายมราชตัวใหญ่ ๆ หน้าดุ ๆ สวมเขาไวกิ้ง นั่งพิพากษาดวงวิญญาณที่ตายมาจากโลกมนุษย์ว่าสมควรได้ขึ้นสวรรค์หรือไปนรก มีผู้ช่วยคือสุวรรณ และสุวาน ภาพแบบนี้คงจำมาจากละครโทรทัศน์สมัยก่อน ชื่อ พิภพมัจจุราช คนชอบดูกันมาก อาตมาไม่ทันได้ดูเพราะมันก็ห้าสิบปีมาแล้ว แต่ก็ทราบว่ามีอีกหลายเวอร์ชั่นมาจนถึงปัจจุบัน ถึงอย่างนั้นก็สะท้อนภาพของพญายมราชได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญต่อดวงจิตวิญญาณเมื่อลาลับโลกนี้ไป และพญายมราชนั้นทรงพลังอำนาจมาก ด้วยพญายมราชเป็นเทพเจ้าแห่งนรกและความตาย ชี้เป็นชี้ตาย ชี้ไปสวรรค์ชี้ไปนรกก็ได้ ขึ้นกับบุญกรรมที่ทำมาในความเชื่อของคนแต่โบราณ มักบูชาพญายมราชไว้ในรูปแบบของประติมากรรมต่าง ๆ ถือเป็นเทพเจ้าที่สำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตหลังความตาย เมื่อตายแล้วก็ต้องไปพบกับพญายมราช เกิดเป็นมนุษย์ครั้งหนึ่งก็ได้เจอหนหนึ่งตอนตาย พอถึงจุดนี้ก็ย้อนกลับไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามกรรมของตน พญายมราชแค่เป็นผู้ชี้ไปตามสิ่งที่ทำมา ไม่ได้ตัดสินตามอำเภอใจ เมื่อมีชีวิตอยู่แล้วได้ทำดี สุวรรณก็จดลงแผ่นทอง ถ้ามีความชั่ว สุวานก็จดลงหนังหมา พิจารณาตามเนื้อผ้า ตามแผ่นบัญชีทองแผ่นบัญชีหนังหมา ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม
จึงเป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนว่า ชาตินี้มีโอกาสเดียว โอกาสเดียวที่จะสร้างกรรมดีหรือชั่วไว้ก่อนจะไปพบกับพญายมราช ต้องแสดงบัญชีความดีชั่วลงบนแผ่นทองแผ่นหนังหมา คนแต่โบราณถือกันแบบนี้ มีการกราบไหว้บูชาให้พระยมได้คุ้มครองชีวิตของตนในฐานะเทพเจ้าแห่งความตาย จะได้มีชีวิตยืนยาวได้กอปรกรรมดีต่อไป
วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม จะจัดพิธีบวงสรวงพญายมราช ต่อชะตา บูชาเปิดยมโลก พญายมราชศักดิ์สิทธิ์ ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 เวลา 17.09 น. ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อเป็นเทวตาพลี เทวตาบูชาแด่พญายมราช เจ้าแห่งความตาย ให้ทุกท่านได้ระลึกถึงพญายมราช ได้เกิดสติ ได้ต่อชะตา มีมานะพากเพียรก่อกรรมดีสืบไป เมื่อได้เห็นเดชานุภาพพญายมราชเหนือชีวิตและความตายของคนทั้งหลายแล้ว จะได้เกรงกลัวกรรมชั่วและผลของกรรมชั่ว เพราะพญายมไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
คนเราไม่ค่อยชอบนึกถึงความตาย มองความตายเป็นของไกลตัวเพราะมีตัวขัดขวางก็คือตัวของเราเองที่ยังเห็นว่ายังเยาว์ยังหนุ่มยังสาว เป็นเครื่องปิดบังความจริง เดี๋ยวนี้มีวิทยาการทำสวยทำหล่อก็ยิ่งปิดบังความจริง แต่ความจริงคือทุกคนกำลังเดินไปที่ขอบหน้าผากันทั้งนั้นไม่มีหยุดเดิน ถ้าเรารู้วันตายของเราเป็นวันเดือนปีที่แน่นอน มันก็หมายความว่าเรากำลังเดินไปหามัน เรากำลังเดินหน้าไปหาพญายมราชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพญายมราชจะเป็นผู้ปิดเกมชีวิตของเรา ให้บทสรุปว่าเราจะไปยังสุคติภูมิหรือทุคติภูมิตามผลกรรมที่ทำมา และในความเป็นจริงเราไม่รู้วันตายของเรา เราเหมือนคนที่กำลังเดินไปยังหน้าผาโดยถูกปิดตาอยู่โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตกลงไป เมื่อชีวิตเป็นแบบนี้แล้ว พญายมราชและความตายก็ยิ่งใกล้ตัว วันตัดสินชะตากรรมของเราใกล้เข้ามาทุกวัน ๆ แล้วเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ชีวิตในชาตินี้คือโอกาสเดียว เกิดมาครั้งเดียว ตายก็ครั้งเดียว เจอพญายมราชก็ครั้งเดียว เส้นทางจะเป็นยังไงต่อไปก็ขึ้นกับชีวิตเดียวที่มีตอนนี้โดยไม่รู้ว่าจะจบวันไหน วันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ได้ ทางเดียวที่เรามีก็คือการทำกรรมดี ให้ความดีมีในแผ่นทองของพญายมราช อย่าให้ความชั่วเต็มแผ่นบัญชีหนังหมา เพราะมันจะพาเราไปเสวยกรรมในทุคติภูมิหลังความตาย
ชีวิตคนเราที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนสั้นและเปราะบาง ตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แต่ก็มีคุณค่าในฐานะที่เรามีทางเลือกจะทำ เหนือกว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เปรต ที่เป็นไปตามกรรม และแม้จะไม่เสวยสุขอย่างเทวดานางฟ้าแต่เทวดานางฟ้าก็ได้แต่เสวยผลกรรมของตน จะทำความดีเป็นชิ้นเป็นอันก็มิได้ถนัด มนุษย์มีเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยปีกว่าจะได้พบกับพญายมราช มันช่างแสนสั้นนักเมื่อเทียบกับสุขบนสวรรค์หรือความทรมานในนรก เวลาเรามีน้อยเช่นนี้จะรออะไร เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา รู้ว่าสิ่งใดเป็นกรรมดีกรรมชั่ว รู้ว่าอะไรคือสัจธรรมเที่ยงแท้ อะไรเป็นมายา ทางมีให้เดินแล้วก็ควรเดินไปในทางแห่งธรรมที่พระพุทธองค์แผ้วถางเอาไว้ให้เดินตาม และเมื่อถึงเวลานั้น พญายมราชก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เมื่อเราตายไปเราไม่ตายเปล่า เราไปพร้อมกับกรรมดี เราไปพร้อมกับบุญกุศล เราไปอย่างสว่าง จึงขอให้ทุกคนได้ระลึกไว้ในใจถึงพญายมราชที่เราจะได้พบเจอในอนาคต นึกถึงความตายที่กำลังจะมาถึง แล้วเราจะทำอะไรก่อนตายในฐานะที่เลือกทางเดินได้ ขอให้ทุกคนได้ระลึกไว้ในใจเสมอ ขอเจริญพร