Breaking News

หลวงพี่น้ำฝนเปิดศูนย์ ปะ ฉะ ดะ ปราบพระปลอม ผิดวินัย ซัดกฎหมายหนัก

หลวงพี่น้ำฝนเปิดศูนย์ ปะ ฉะ ดะ ปราบพระปลอม ผิดวินัย ซัดกฎหมายหนัก

หลวงพี่น้ำฝนเดินหน้าเปิดศูนย์รับร้องเรียนแจ้งเบาะแสพระปลอม พระสงฆ์ประพฤติผิดวินัยไม่เหมาะสม โดยเป็นทีมเฉพาะกิจตรวจสอบพร้อมเร่งดำเนินคดีทางกฎหมายเอาจริง ขณะหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮมกราบขอขมาที่ประพฤติตนอาศัยในบ้าน โดยหลวงพี่น้ำฝนเมตตาให้นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทยถอนแจ้งความคดีอาญาเพราะอายุมากแล้ว

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 67 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ในฐานะประธานคณะทำงานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือพระวิทยาธิการ (ตำรวจพระ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่วัดไผ่ล้อมได้มีการจัดตั้งศูนย์ร้องเรียนแจ้งร้องทุกข์เกี่ยวกับเบาะแสพระปลอมพระภิกษุสงฆ์ประพฤติผิดวินัยและไม่เหมาะสม โดยมีการจัดตั้งเป็นทีมปะ ฉะ ดะ เหมือนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและ 4 จังหวัด ที่รับรู้ดูแลในคณะภาคสี่ประกอบด้วยจังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งหากพบความผิดจากการตรวจสอบก็จะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาขั้นเด็ดขาดนับจากนี้

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวต่อว่าหลังจากที่มีการจับพระปลอม ได้หลายราย ซึ่งตอนนี้จะมีการยกระดับในการตั้งศูนย์เพื่อรับร้องเรียนอย่างจริงจังซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีกฎหมายรองรับในการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนของคณะสงฆ์ภาค 14 โดยกรณีของหลวงตา เวิร์คฟอร์มโฮม และหลวงพี่ ที่มีการจับกุมไปแล้วนั้น ได้มีนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาในความผิดแต่งกายเลียนแบบพระ และถือหนังสือสูจิบัตรที่มีการปลอมแปลงเอกสาร โดยวันนี้ได้มีหนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุม ได้เข้ามากราบขอขมา และได้มาขอร้องให้มีการถอน แจ้งความคดี อาญา ซึ่งเห็นว่าเป็น บุคคลที่มีอายุมากถึง 70 ปี และมีสำนึกกับตัวกลับใจจึงได้ประสานไปยังนายกสมาคมฯ เพื่อให้ให้มารับฟังข้อมูลก่อนการตัดสินใจจะถอนแจ้งความให้ ซึ่งยังทราบว่าเจ้าตัวยังอยากที่จะกลับมาบวชทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระอุปัชฌาย์ที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะบวชให้อีกหรือไม่ แต่หลังได้ของมาก่อนที่จะมีการถอนแจ้งความให้มีการไปเปลี่ยนบัตรประชาชนจากพระภิกษุสงฆ์เป็นประชาชนธรรมดาให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะ ดำเนินการให้

โดยนายเรืองชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี บอกว่ารู้สึกผิดและสำนึกแล้วว่าสิ่งที่กระทำลงไปไม่ถูกต้องแต่ใจอยากจะกลับมาขอบวชอีกครั้งซึ่งสัญญาว่าจะไม่กลับมาอยู่ที่บ้านแต่จะไปบวชอยู่วัดต่างจังหวัด โดยจะไม่กลับมาอยู่ที่จังหวัดนครปฐมอีก และได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะประพฤติตนอยู่ในผ้าเหลืองอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบของคณะ ซึ่งได้มีการให้คำสัญญาสาบานต่อหน้าสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล (อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม) เพื่อยืนยันว่าจะกลับตัวกลับใจ และขอขมา กับหลวงพี่น้ำฝนเพื่อให้ถอนแจ้งความซึ่งท่านก็เมตตาได้มีการดำเนินการให้ จากนี้ก็จะขอใช้ชีวิตบั้นปลายในผ้าเหลืองอยากถูกต้องต่อไป

นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” นายกสมาคมไวยาวัจกร แห่งประเทศไทย กล่าวว่าวันนี้หลวงพี่น้ำฝนได้เชิญให้มาทราบข้อมูลว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีความสำนึกผิดและขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีจึงได้ให้โอกาสที่จะไปถอนแจ้งความในฐานะประชาชนที่ได้ไปกล่าวโทษไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ขอแจ้งว่ากรณีดังกล่าว รวมถึงหลายหลายคนที่ยังมีการมีการประพฤติผิดมีความผิดทั้งอาญาและความผิดของคณะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้ตนเองต้องมาเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากมีสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศซึ่งควรจะเป็นแม่งานในการขับเคลื่อนเรื่องนี้แต่ที่ผ่านมาก็เหมือนทำงานแบบเอาหูเอาน่าเอาตาไปไล่ ปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด นับจากนี้หากพบว่าจังหวัดใดมีการปล่อยปะละเลยและมีการจับกุม โดยคณะสงฆ์หรือเจ้าหน้าที่รัฐเช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ และไม่มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาอาจจะจำเป็นต้องเดินหน้าเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเรื่องนี้ขอยืนยันว่าต่อไปจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทั้งนี้คณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมได้มีการประชุมและแต่งตั้งคณะพระวินยาธิการ ทั้งเจ็ดอำเภอ จำนวน 76 รูป เพื่อที่จะทำหน้าที่ เป็นตำรวจในการตรวจสอบคณะสงฆ์ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมโดยได้มีการแต่งตั้งและออกบัตรประจำตัวให้กับตัวแทนของแต่ละพื้นที่ไว้แล้วซึ่งนับจากนี้จะมีการขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานต่างๆเช่นผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องของการออกเรี่ยไรในพื้นที่ต่างๆซึ่งตอนนี้มีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาอย่างที่หลวงพี่น้ำฝนบ่อยมากขึ้นและเตรียมตัวจะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบหากหากพบผิดจะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที