พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เบื้องหน้าของพระสงฆ์คือผู้มีผ้ากาสาวพัสตร์เป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ห่อหุ้มร่างกาย เป็นผู้อุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนาแล้ว มีหน้าที่เพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน และปฏิบัติตนเพื่อความเจริญงอกงามในธรรม แต่เบื้องหลังของพระสงฆ์นี่สิ เรื่องอะไร ๆ ก็พระ ใคร ๆ ก็เข้าหาพระ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของคนทั้งหลายตั้งแต่พระราชาถึงยาจก พระสงฆ์มีจรรยาต้องสงเคราะห์ญาติโยมทุกชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าเขาจะมีภูมิหลังมาอย่างไร พระสงฆ์จึงเป็นบุคคลที่ต้องพบบุคคลหลากหลาย คนที่ไม่มีปัญหาข้องใจ อยากมาทำบุญ สนทนาธรรมก็มี แต่คนที่มีปัญหา อยากให้พระช่วยแก้ก็มี พระสงฆ์ก็ต้องรับทุกคนด้วยจรรยา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ถ้าเราทุกคนย้อนกลับไปดูพุทธประวัติ พระองค์ก็ต้องพบกับผู้คนทุกชั้นวรรณะ ตั้งแต่ยาจกเข็ญใจไปจนถึงพระราชาเจ้าแคว้น พระองค์ก็ทรงให้ความอนุเคราะห์โดยเสมอกัน และให้โดยเหมาะสมแก่ฐานะ เป็นธรรมะอันเหมาะสมแก่บุคคลผู้นั้น เพราะธรรมะนั้นไม่จำกัดวรรณะ พระองค์ทรงมีวิธีการที่เหมาะสมเสมอ ผู้คนในชมพูทวีปเวลานั้นจึงเลื่อมใสพระพุทธองค์ พระพุทธศาสนาก็กลายเป็นที่นิยมนับถือสืบมา จนถึงชั้นพระสาวกนั้นก็มีหลายรูปที่โดดเด่นเรื่องการแสดงธรรมให้ผู้คนเลื่อมใส ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดก็ตาม
อาตมาก็ทบทวนตนเองดูว่าอาตมาพบกับอะไรบ้าง อาตมาก็พบกับผู้คนหลากหลาย ตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้พบข้าราชการระดับสูงทั้งจากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค พ่อค้าคหบดีมีเงิน ไปจนถึงชาวบ้าน คนยากไร้ มีเรื่องหนึ่งที่อาตมาพบเสมอ คือ ปัญหาบางอย่างมันไม่เลือกวรรณะหรอก จะเป็นผู้คนชนชั้นไหนก็จะเจอปัญหาอย่างเดียวกัน แม้แต่ปัญหาที่ดูจะไม่เป็นเรื่องของพระสงฆ์เลย คือ ปัญหาเมียน้อย ปัญหาเมียน้อยนั้นมีมาแต่โบราณกาล มีมานมนานจนถึงปัจจุบัน และญาติโยมที่มาพบอาตมาจำนวนมากมีปัญหานี้กับตัว ไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นวรรณะไหนก็ตาม บางคนตกเป็นเมียน้อยด้วยความเต็มใจ รู้ทั้งรู้ว่าตนต้องเป็นเมียน้อยเขา แต่ก็เป็น บางคนเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าตกเป็นเมียน้อยเขา ทีนี้ก็มีทั้งยอมรับได้ รับสภาพเมียน้อย บางคนรับไม่ได้ เปิดศึกเมียหลวงก็มี หรือรู้สึกเจ็บแค้นใจว่าถูกหักหลัง ถูกทรยศ ในแง่ของศีล หากว่ากันตามตัวอักษรแล้ว ศีลข้อสาม กาเมสุมิจฉาจารา หมายถึงการล่วงผิดลูกเมียเขา เช่น ผู้ชายไปล่วงเกินผู้หญิงที่มีบิดามารดาคุ้มครองอยู่ มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ เป็นชู้กับเขา ฉะนั้น การเป็นเมียน้อยจะผิดศีลข้อสามหรือไม่นั่น ก็ขึ้นกับว่าตนเป็นหญิงที่อยู่ในข้อห้ามของศีลหรือไม่
ถ้าพูดแบบนี้ บางคนคงว่า อาตมาส่งเสริมให้คนมีเมียน้อยใช่ไหม เพราะถ้าเกิดชายใดมีภรรยาอยู่แล้ว และเกิดไปชอบผู้หญิงคนอื่น ไปล่วงละเมิดเขา ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงตามข้อห้ามของศีลกาเม ก็คงจะไม่ผิดใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ผิด ในแง่ของศีล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ผิดเลย เพราะถ้าผู้ชายกับผู้หญิงอันเป็นภรรยา ตกลงปลงใจว่าจะอยู่กันเป็นคู่ สัญญิงสัญญาว่าจะรักเดียวใจเดียว แต่ปรากฏว่าจริง ๆ ชายไปมีคนอื่น ก็กลายเป็นว่าชายผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีสัจจะ เพราะตั้งสัจจะ ตกลงกันว่าจะรักเดียวใจเดียว แล้วก็ไปมีคนอื่น อย่างนี้จึงว่าผิด ไม่ซื่อสัตย์ แต่ถ้าไม่ครบองค์ผิดอะไรเลย เมียหลวงรับรู้การมีเมียน้อย ตัวเมียน้อยนั้นก็ไม่ได้พรากเขามา มาโดยสมัครใจแล้ว อาตมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน เพราะเอาจริงโลกเราไม่ใช่โลกแบน ๆ แต่มันมีอะไรซับซ้อนอยู่อีกมาก เมื่อมันมีกรณีแบบนี้ขึ้นมา อาตมาก็ได้แต่แนะนำว่า ถ้ารู้ตัวว่าตกเป็นเมียน้อย เป็นโดยไม่ได้โดนพรากเขามา รู้แน่แก่ใจว่าเขามีเมียหลวง และสมัครใจที่จะอยู่ในฐานะเมียน้อยต่อไป ดีที่สุดคือ ต้องอยู่ให้เป็น
รู้กิน รู้อยู่ รู้การวางตัว เรียกว่าอยู่เป็น ถ้าจะสมัครใจเป็นเมียน้อยเขาแล้ว ก็ต้องรู้ตัวว่าตนอยู่ในฐานะใด และปฏิบัติตนให้สมแก่ฐานะ ปฏิบัติตนให้เหมาะสม รู้หน้าที่และสิทธิอันพึงมี และเช่นเดียวกับผู้เป็นสามี เมื่อรู้แก่ใจตนแล้วว่า ตนมีเมียหลวงเมียน้อย และต้องการจะมีเมียน้อยจริง ๆ ยกย่องให้คนรู้แน่ว่าเป็นเมียอีกคน กรณีแบบนี้อาตมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้เหมือนฉุดต้านแรงช้างสาร แต่ที่ทำได้คือ มีความเป็นธรรมกับทุกคน ตามฐานะอันสมควร มีความยุติธรรม บ้านจึงจะสงบสุข แต่ถ้าไม่ปรารถนาจะตกเป็นเมียน้อยแล้ว อาตมาเชื่อว่าผู้หญิงมีศักดิ์ศรี เดินออกมาได้ ดีกว่าอยู่แล้วเป็นทุกข์ อึดอัดคับข้องใจ ถ้าไม่ปรารถนา ไม่สมัครใจ จะทนทำไม ชีวิตคนเรา เลือกได้ แต่เมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องดำเนินชีวิตไปให้เหมาะสมแก่สิ่งที่เลือก เหมือนเลือกเป็นเมียน้อยเขา ก็ต้องรับสภาพและปฏิบัติตนให้อยู่เป็น แต่ถ้าคิดว่าฉันอยู่ไม่เป็นหรอกกับความเป็นเมียน้อย จะอยู่ทำไม เดินออกมา แลละมีความสุขด้วยตัวเองเสียดีกว่า ผู้หญิงทุกคนเลือกทางเดินของตนเองได้ และนี่คือหนึ่งในเรื่องที่อาตมาต้องพบเจอบ่อย ๆ นี่แหละชีวิตพระ พระไม่ใช่ผู้กำหนดหรือบงการชีวิตใคร พระทำได้เพียงให้คำแนะนำอันควร แต่จะปฏิบัติอย่างไรนั้น ก็ขึ้นกับญาติโยมเอง ด้วยสติปัญญาของญาติโยมทั้งหลายเอง ขอเจริญพร