หลวงพี่น้ำฝน ให้หลักธรรรม ฝันที่เป็นความจริงของคนขยัน ย่อมได้รับรางวัลที่คุ้มค่า
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน คนเราเกิดมาย่อมมีความฝันความปรารถนาอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นอย่างน้อย บางคนฝันมาก บางคนฝันน้อย บางคนบอกว่าฉันไม่ฝันเลย ฉันใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีน้อยคนเต็มที
ความปรารถนาในอนาคตนั้น มันก็คืออนาคต หมายถึงของที่อยู่ไกลตัวเรา เราอาจจะต้องเดินไปหามัน หรือมันอาจจะเดินมาหาเรา อันนี้ไม่อาจรู้ได้ เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราเดินไปหันด้วยตัวเอง เหมือนว่ายน้ำกลางสมุทร เราจะว่ายน้ำไปหาขอนไม้ หรือรอให้ขอนไม้มันไหลมาหาเรา ถ้าขอนไม้มันไหลมาหาเราด้วย แล้วเราว่ายหาขอนไม้ด้วย ก็จะยิ่งดี ขอนไม้จะพาเราเดินทางต่อไป ถ้าเกาะดีไม่หลุดมือ มันก็จะพาเราไปถึงฝั่ง คือ ความฝันในชีวิต ปลายทางที่ตนนั้นปรารถนา
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 อาตมาพร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ได้รับนิมนต์จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม ให้ไปในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ รับสังฆทานผ้าป่า และฉันเพล เนื่องในโอกาสต้อนรับปีใหม่ 2567 เพื่อความเป็นสิริมงคลและเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานแก่เจ้าหน้าที่สืบต่อไป ณ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม ในการนี้ มีนายพิเชฐ อรุณมาศ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบุคลากรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐม ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการทำงานด้วยการทำบุญทำกุศล เสริมความเป็นสิริมงคลก่อนการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการทำหน้าที่ในการไฟฟ้านี้ถือเป็นงานสำคัญเพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชน สมัยนี้ทุกบ้านทุกเรือนต้องมีไฟฟ้าใช้ แม้วัดวาอารามก็มีไฟฟ้าใช้ เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ห้าของมนุษย์ ถ้าไม่มีไฟฟ้า คนที่อยู่ในยุคนี้อาจถึงกับอยู่กันไม่ได้ทีเดียว และคนที่คอยดูแลเกี่ยวกับไฟฟ้า ไฟจะติดจะดับก็เป็นเรื่องของผู้ดูแล ก็คือการไฟฟ้าของแต่ละท้องที่ อย่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดนครปฐมนี้ และคนที่ทำงานไฟฟ้า โดยเฉพาะที่ต้องออกไปหน้างานนั้นก็ถือว่าเป็นคนกล้าหาญ จะกลัวความสูงก็ไม่ได้เพราะขึ้นรถกระเช้า สูงลิบลิ่ว ต้องพร้อมทำงานตลอดเพราะไฟจะดับเมื่อไรก็ไม่รู้ได้ ดับเมื่อไรก็ต้องไปแก้ตรงนั้น ดึกดื่นคืนค่ำแค่ไหนก็ต้องไป แล้วก็ต้องทำงานกับไฟฟ้า ที่ทุกคนก็รู้ดีว่า แค่ไฟบ้านดูดก็อาจถึงแก่ชีวิต แต่การไฟฟ้าต้องทำงานกับหม้อแปลง กับสายไฟฟ้าตามถนนหนทาง สายไฟเส้นใหญ่ ๆ ที่มีแรงดันสูง ๆ ต้องอาศัยความชำนาญ ความรู้ความสามารถเฉพาะ คนทำงานตรงนี้จึงต้องมีทั้งความกล้า ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความรู้ความชำนาญที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้มีปลายทางคือความสุข สะดวกสบายของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน
โยมพิเชฐเองก็เริ่มต้นชีวิตจากพนักงานไฟฟ้าในระดับอำเภอมาก่อน ก่อนจะไต่เต้าตามสายบังคับบัญชาจากระดับปฏิบัติงานไปสู่ระดับบริหาร จนมาถึงตำแหน่งผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครปฐม การจะมาถึงระดับเบอร์หนึ่งของจังหวัดได้ ต้องมีดี จึงมาได้ และเมื่อได้ปฏิบัติงานตรงนี้แล้ว ก็ต้องมีดีอีก จึงอยู่ได้ เพราะความรับผิดชอบมาก คือทั้งจังหวัด ทุกอำเภอ คนที่ทำงานมานานจนได้ดีมีตำแหน่งสมแก่ความขยันหมั่นเพียร ก็ถือว่าได้ถึงความฝันแล้ว ความฝันก็คือการมีชีวิตที่ดี มีการงานที่มั่นคง ได้เกาะขอนไม้แล้วก็เกาะไว้จนไปถึงฝั่งฝัน ถึงฝั่งตามที่ปรารถนา แต่ก่อนจะคว้าขอนไม้มาได้ หรือกว่าจะเกาะขอนไม้มาถึงฝั่งได้ ก็ต้องใช้ความพยายาม ทั้งว่าย ทั้งเตะขา นี่คือความขยัน ถ้าเราเกาะไปพร้อมกับคนอื่น เราอย่ากินแรงเขา เขาว่ายเราว่าย เขาเตะขาเราก็เตะขา ไม่กินแรง ไม่อู้ เตะถ่วง เอาเท้าราน้ำ นี่คือซื่อสัตย์ หนทางสู่ฝั่งฝันอาจจะเหนื่อยยาก บางครั้งก็เจอแดด ลม ฝน แต่ว่าไม่ท้อ ว่ายต่อไป เตะขาต่อไป นี่คือความอดทน ชีวิตบนขอนไม้สู่ความฝัน เราอาจได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น จากเพื่อนร่วมงาน จากผู้บังคับบัญชา หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้เราสามารถเดินทางไปสู่ฝั่งฝันได้ นี่คือรู้บุญคุณคน
สรุปก็คือ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณคน สี่ข้อที่จะพาเราไปสู่ความเจริญได้ สี่ข้อนี้เป็นไปตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่เกิดผลเสีย มีแต่ผลดีเกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาอาชีพ สถานภาพใด ๆ ก็ตามก็นับเป็นรางวัลชีวิต สำหรับคนขยันจริง ๆ มีอีกข้อหนึ่งที่ต้องมาก่อนขยัน เรียกได้ว่าคนเราอาจไม่ขยัน ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ก็คือ “ฉันทะ”
“ฉันทะ” คือความมีใจรัก รักในอะไรบ้าง รักในเนื้องาน รักในที่ทำงาน รักในเป้าประสงค์ในการทำงาน แม้ความอยากมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพด้วยการทำงานชิ้นนี้ก็เป็นฉันทะ เพราะความสำเร็จในงานย่อมเริ่มจากฉันทะเป็นสิ่งแรก ขาดฉันทะไปไม่ได้ คนทำงานการไฟฟ้า ก็ต้องมีฉันทะ คือรักในงานไฟฟ้า รักในองค์กร รักในงานบริการประชาชน จึงจะนับได้ว่าเป็นบุคลากรการไฟฟ้าที่ดีมีคุณภาพ คนเป็นพระ ก็ต้องมีฉันทะ รักในสมณเพศ รักในความเป็นบรรพชิต รักในพระพุทธศาสนา จึงจะเป็นพระภิกษุที่ดีได้ มิฉะนั้นก็ร้อนผ้าเหลืองอยู่ไม่ได้นั่นแหละ เพราะขาดตัวฉันทะ
เกิดฉันทะ เราขยันทำงาน ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ทำงานด้วยความอดทน สิ่งเหล่านี้จะพาเราไปถึงฝั่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรอให้ถึงวันนั้น จึงจะได้มา สิ่งที่มีค่าในระหว่างทาง ก็คือ “สมาธิ” คือใจที่จดจ่อตั้งมั่น การเป็นคนมีสมาธิดี ถือเป็นรางวัลของชีวิต เป็นความฝันที่ไม่มีใครอยากจะฝันถึง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น การทำงานดีขึ้น และจิตใจดีขึ้น
อาตมาจึงขอให้ทุกคนมีฉันทะในสิ่งที่ทำ และทำงานของตนด้วยความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณคน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรม คือการพัฒนาชีวิต ขอเจริญพร