นครปฐม วัดไผ่ล้อมเตรียมซ่อมสร้างเตาเผาศพใหม่หลังปล่องระเบิดหล่นหลังคาดังสนั่น
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ เมรุวัดไผ่ล้อม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมได้ชี้แจงกรณีเตาเผาศพของวัดไผ่ล้อมเกิดการชำรุดเสียหายจากการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิดและเตรียมทำการบูรณะซ่อมแซมพร้อมกับเพิ่มเติมเตาเผาชุดใหม่ในการรองรับการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ทางวัดได้เผามาอย่างต่อเนื่อง
สืบเนื่องจากเมื่อหลายวันก่อนปล่องควันระบายความร้อนได้เกิดความร้อนสะสม ทำให้ปากปล่องระเบิด ลายกนกปูนปั้นปากปล่องช่องระบายควันความร้อนได้ระเบิดแตกและร่วงหล่นลงมาที่หลังคาเมรุ เกิดเสียงดังสนั่นทำให้เจ้าหน้าที่วัดที่กำลังเผาศพผู้เสียชีวิตจาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนั้นต้องรีบวิ่งออกไปดูด้านนอกและได้มองขึ้นไปยังปล่องระบายความร้อนของเมรุ ก็พบว่ามีเศษปูนล่วงหล่นอยูบนหลังคา และมองขึ้นที่ปากปล่องระบายความร้อนก็พบว่าลายกนกปูนปั้นปากปล่องระเบิดหลุดหล่นลงมา ดีที่เดชะบุญมีหลังคาปกคลุมอยู่ทำให้ไม่ล่วงหล่นลงมาพื้นล่าง ก็อาจจะเกิดความสูญเสียขึ้นได้ คาดว่าจากการที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ได้เผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เป็นเวลาร่วม2ปีทำให้ไม่ได้หยุดพักเตาเลย ซึ่งในช่วงนี้การระบาดหนักขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ถึงแม้หลายวัดจะช่วยกันเผาศพโควิดแต่ก็แทบจะไม่เพียงพอต่อการสูญเสีย ซึ่งทุกวันนี้ทางวัดไผ่ล้อมยังต้องเพิ่มการเผาศพวันละ3ศพอย่างต่อเนื่องทุกวันจึงทำให้เตาและปล่องระบายความร้อน เกิดความร้อนสะสมต่อเนื่อง ทำให้เตาเผาและปล่องระบายความร้อนชำรุดเสียหาย
ทางด้าน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่า สถานการณ์การเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19จากตัวเลขมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วเกือบ 300 คน โดยที่วัดไผ่ล้อมได้มีการเผาศพทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งปกติจะเผาอยู่ที่ 2 ศพก็ได้เพิ่มยอดการเผาเป็น 3 ศพ กระทั่งไม่นานมานี้ขณะที่กำลังทำการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้เกิดเสียงดังตูมสนั่นเหมือนกับมีอะไรระเบิดบนหลังคาเมรุ ซึ่งทั้งพระและเจ้าหน้าที่ต่างตกใจเนื่องจากคิดว่ามีอะไรระเบิด เมื่อไปสำรวจโดยรอบก็พบว่าแป็นปูนปั้นที่เป็นลายกนกบนยอดเมรุ ได้พังตกลงมาบนหลังคาโชคดีที่ไม่ทะลุลงมาโดนศรีษะพระสงฆ์และคนที่อยู่ภายในงาน
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า ตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายช่างได้มีการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดพบว่าที่ยอดเมรุเกิดความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ปูนผุกร่อนและมีหลายฝั่งกำลังจะพังลงมา ส่วนที่ตัวปล่องอิฐมีการเกิดการแตกร้าวและเริ่มมีรอยร้าวกว้างมากขึ้นซึ่งรอยแตกจะแผ่กว้างขึ้นทุกครั้งที่มีการเผาศพ และการตรวจสอบในช่องบรรจุโลงสำหรับเผาก็พบว่าอิฐทนความร้อนที่วางเรียงอยู่ภายในก็สึกกร่อนไปไวมาก ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์พบว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงก็ยังไม่ลดลง การประสานขอจองเมรุเผาศพที่วัดไผ่ล้อมก็มีคิวจ่อมาไม่หยุด จึงได้มีการวางแผนที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายและสร้างเตาเผาแบบคู่ขึ้นมาเพื่อรองรับการเผาศพให้เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ในช่วงนี้
“ เมรุและเตาเผาศพที่วัดไผ่ล้อมจัดสร้างขึ้นมามีอายุการใช้งานมาแล้ว 16 ปี ซึ่งโยมมารดาของอาตมาได้นำเงิน 1.5 ล้านมาถวายเพื่อทำเป็นเมรุแบบปลอดมลพิษไร้ควัน ซึ่งในเวลาปกติที่ไม่มีโรคระบาดก็ไม่ได้มีศพเข้ามามากมายขนาดนี้ แต่ในช่วง 2 ปีนี้ เฉพาะศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นพุ่งไปถึง 146 ศพ ยิ่งระยะหลังมีผู้เสียชีวิตไม่ลดลงทำให้เตาเผาและเมรุของวัดไผ่ล้อมทำงานทุกวัน ซึ่งสุดท้ายก็ทนกับสภาพการใช้งานหนักที่เกิดขึ้นทุกวันไม่ไหว และไม่ใช่แค่ที่ศพโควิด-19 แต่เมรุที่นี่เผามาตั้งแต่ครั้งที่โรคเอดส์ระบาดหนัก มาถึงผู้ป่วยด้วยโรคร้ายอื่นๆ ที่วัดตั้งแต่ยุคเก่าไม่กล้ารับ จนมาถึงยุคนี้ที่วัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกที่ประกาศในการรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้ทางวัดจะดูแลเมรุเป็นอย่างดีแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับการใช้งานหนัก ถึงเวลาที่ต้องเร่งซ่อมและสร้างเมรุยังแบบเตาคู่ไปเลยในคราวเดียว แต่เราจะไม่หยุดการเผาศพที่ติดเชื้อมาซึ่งได้วางแผนรองรับมาตรการไว้หมดแล้ว รวมถึงพิธีการก็จะยังคงพิธีการครบถ้วนเหมือนเดิมทุกอย่าง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า สำหรับการสร้างเตาแบบคู่ขึ้นมาจะทำให้วัดไผ่ล้อมมีศักยภาพในการเผาศพได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยเผาได้สูงสุดวันละ 3 ศพ ก็จะสามารถเผาได้วันละ 6 ศพ เนื่องจากเตาเผาชุดใหม่จะใช้น้ำมันลดลงจาก 80 ลิตรเหลือเพียง 30 ลิตรต่อศพ และใช้เวลาในการเผาลดลงจาก 5-6 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อศพ โดยจะเป็นการทั้งลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายแต่สามารถทำงานได้มากขึ้นด้วย โดยตอนนี้ได้วางแผนไว้หมดแล้ว โดยในช่วงการบูรณะซ่อมแซมเมรุและก่อสร้างเตาเผาศพปลอดมลพิษ เพิ่มเป็น 2 เตา จะมีการวางแผนบรรจุโลงศพขึ้นที่ด้านหลังของเตาซึ่งสามารถทำได้ และแบ่งส่วนสร้างกับซ่อมให้สอดคล้องกัน โดยทีมช่างมีการวางแผนไว้ครบถ้วนแล้ว ซึ่งคาดว่างบประมาณในการซ่อมแซมและสร้างเตาเผาใหม่ จะอยู่ในจำนวนเงินโดยประมาณ สองล้านห้าแสนบาท
และในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ จะมีพิธีการบวงสรวงเพื่อซ่อมแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ โดยในเวลา 9.09 น. จะมีพิธีการบวงสรวงบูชาเทพยดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในเวลา 21.59 น. จะบวงสรวงซ่อมแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ ซึ่งจะมีการไลฟ์สด ทางเพจหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และเป็นการจัดงานที่งดผู้เข้าร่วมพิธีภายในงานด้วย
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้ายว่า แม้ว่าการเผาศพอาตมาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ด้วยหลักธรรมการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องที่หลบเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์ยามนี้ การเร่งแก้ไขและช่วยสังคมเป็นสิ่งที่วัดและพระจะต้องทำให้สอดคล้องกับช่วงเวลาและทางวัดไผ่ล้อมก็ได้วางแนวคิดว่าวัดไผ่ล้อมจะทำงานในทุกมิติเพื่อให้เป็นวัดที่สร้างประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนและประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้
และในส่วนผู้จะร่วมบุญซ่อมสร้างเตาเผาศพปลอดมลพิษ สามารถร่วมบุญได้ที่ ชื่อบัญชี กองทุน สวดเผา ฟรี วัดไผ่ล้อม นครปฐม เลขบัญชี 516-1-01179-9 ธนาคารกสิกรไทย