นครปฐม หลวงพี่น้ำฝน ด่าพวกเหลือบเกาะกินค่าทำศพหมื่นห้าตายด้วยโควิด
วันที่31 กรกฎาคม2564 ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางณัฐศิธาฎา กลิ่นประทุม อายุ 45 ปี พี่สาวของนายบุญปลูก กลิ่นประทุม อายุ 41 ปี เป็นชาวจังหวัดนครปฐมที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ โรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งได้โทรติดต่อมายังวัดไผ่ล้อม เพื่อขอฌาปนกิจศพ น้องชาย หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐมโทรมาแจ้งว่าน้องชายได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19แล้ว หลังจากวางสาย ก็มีสายโทรศัพท์ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ไหน ชื่ออะไร โทรเข้ามาแจ้งว่าการดำเนินการศพน้องชายเริ่มต้นจนเผาเสร็จที่วัดมีค่าใช้จ่าย หนึ่งหมื่นห้าพันบาท เพราะขณะนี้จังหวัดนครปฐมมีคนตายด้วยโควิดเยอะ
จึงได้โทรสอบถามที่วัดไผ่ล้อมโดยตรงตามที่เห็นในเพจเฟสบุ๊ค ก็ได้รับแจ้งว่าฟรีทุกกรณี ไม่มีค่าใช้จ่าย จึงได้ติดต่อให้วัดไผ่ล้อม ให้ช่วยเป็นผู้ประสานดำเนินการให้ทั้งหมด และยังได้รับความเมตตาจาก พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธีให้ด้วย และคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมได้มีการจัดพิธีสวดพระอภิธรรม บังสุกุล กรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณ น้องชายคือนายบุญปลูก กลิ่นประทุม ผู้เสียชีวิตให้ครบถ้วนตามกระบวนการ และมีญาติเพียง3-4คนร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ซึ่งนางณัฐศิธาฎา กลิ่นประทุม อายุ 45 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายบุญปลูก ได้มาทำงานอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งอาทิตย์ก่อนได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกำแพงแสน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลบอกว่ามีการติดเชื้อโควิค-19 และเมื่อ 5 วันก่อนได้รับแจ้งว่าจะต้องย้ายมาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม เนื่องจากมีอาการหนักมาก ซึ่งตนเองก็ยังไม่ได้สอบถามว่าน้องชายไปติดเชื้อมาจากที่ไหน คาดว่านาจะมาจากแคมป์คนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ จนกระทั่งเมื่อวานก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนครปฐม โทรมาแจ้งว่าน้องชายได้เสียชีวิตแล้ว
ซึ่งหลังจากรับโทรศัพท์ตนเองก็ยังตกใจเพราะไม่คิดว่าน้องชายจะจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีสายโทรเข้ามาหาและบอกว่าจะประสานขอรับทำศพของน้องชาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวน หนึ่งหมื่นห้าพันบาท โดยจะเป็นค่ารถขนศพ ค่าฉีดยาศพ ค่าโลงศพและการดำเนินการเผาศพ โดยบอกว่าให้รีบตัดสินใจเพราะที่นครปฐมมีคนตายเยอะต้องมีการจองคิว ซึ่งตนจึงบอกว่าจะขอปรึกษากับครอบครัวก่อนเพราะไม่มีเงินเลย เนื่องจากตนเองก็ตกงานและขายของไม่ได้ ทำให้สับสนว่าจะเอาอย่างไร “หลังจากที่เราเคยได้ยินว่าวัดไผ่ล้อม สวดเผาฟรี ตามข่าวที่ออกก็ได้พยายามค้นหาเพจและข้อมูลการติดต่อกระทั่งได้ติดต่อมาที่พระเลขาฯ และได้ให้คุยกับหลวงพี่น้ำฝน ท่านก็บอกว่า ที่วัดไม่มีการเรียกร้องค่าจ่ายใดใดทั้งสิ้น และสอบถามกระบวนการดังกล่าวที่มีคนโทรมาหาว่ามีอย่างนี้หรือเปล่า ท่านก็บอกว่าไม่มีแม้หากโลงไม่มีก็จัดให้ จึงได้ขอนำศพน้องชายเรามาทำพิธี ซึ่งถ้าไม่เฉลียวใจโทรมาสอบถามก่อนก็อาจจะต้องไปกู้ยืมเงินมาให้กับคนที่โทรมาหา ซึ่งตอนนี้จะไปลองกู้โทรศัพท์ดูว่าเป็นหมายเลขอะไรเพราะมือถือของเรามันจอแตกไม่โชว์ว่าเบอร์อะไรโทรเข้ามา ซึ่งอยากฝากถึงญาติของผู้เสียชีวิตรายอื่นๆว่าอย่าหลงกลเป็นเหยื่อ ให้สอบถามไปที่วัดต่างๆที่เขารับเผาศพติดเชื้อโควิด-19 ว่าที่แต่ละวัดเป็นอย่างไรก่อน ” นางณัฐศิธาฎา ได้กล่าว
ทางด้าน หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่า วัดไผ่ล้อมไม่เคยมีการเรียกร้องเก็บเงินใดๆทั้งสิ้นแม้แต่สลึงเดียว คนพวกนี้เหมือนเหลือบที่มาคอยเกาะกินกับสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งก็เหมือนการขี่ม้าส่งเมืองคือบอกสารต่อกันไปพอข้อมูลส่งกันไปเรื่อยๆ ก็ผิดเพี้ยนกันไป ซึ่งวัดไผ่ล้อมไม่เคยมีการเรียกร้องใดๆเลย ซึ่งจะมีกระบวนการเผาศพได้วันละ 2 ศพ ซึ่งมี 2 รอบคือเช้าและก็บ่าย และตอนนี้ทุกวัดทั่วประเทศไทยก็ได้ช่วยกันทำงานนี้กันอยู่แล้วตามมติของมหาเถรสมาคมที่ให้วัดต่างๆลงมาช่วยกันแล้ว ใครที่กำลังเป็นเหลือบหากินกับเงินในความทุกข์ของญาติโยมก็ขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ โดยวัดไผ่ล้อมยังย้ำว่าสวดเผาฟรี หากไม่มีรถรับศพเราก็ยังมีการช่วยส่งรถ กู้ชีพกองทุนสวดเผาฟรี วัดไผ่ล้อม ออกไปรับทุกวันไปส่งตามวัดต่างๆให้อีกด้วย