Breaking News

นครปฐม   หลวงพี่น้ำฝนสุดรันทดญาติร่ำไห้ล้มพับเผาศพแม่ติดโควิด

นครปฐม   สุดรันทดญาติร่ำไห้ล้มพับเผาศพแม่ติดโควิด

เมื่อเวลา13.00น. วันที่10พฤษภาคม 2564. ที่ ฌาปณสถานวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม

ได้มีพิธีฌาปณกิจศพนางจรุง เกสรชื่น  อายุ 71 ปี  ที่เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา โควิด-19 จากโรงพยาบาลนครปฐม  โดยทางญาติได้ติดต่อมาที่วัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็นวัดที่มีความชำนาญในด้านการเผาศพโควิด  ซึ่งมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธี

 

 

 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าวันนี้วัดไผ่ล้อมก็เหมือนเดิมที่เจ้าหน้าที่ของเราจะต้องพ่นฆ่าเชื้อทั่วบริเวณและน้ำยาฆ่าเชื้อนี้ไม่มีอันตราย ซึ่งวัดไผ่ล้อมเป็นศูนย์รวมและต้นแบบในการที่จะช่วยเหลือญาติโยม โดยกองทุนหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว  ก็ได้รับข่าวหน้าเสียใจอีกวันหนึ่งเหมือนเดิมก็มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐมได้ติดต่อมา ว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรค โควิด-19 มาฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อมของเราแห่งนี้โดยเฉพาะคุณโยมที่เสียชีวิตนั้นอายุ 71 ปีโดยมีลูกลูกหลานหลานซึ่งพักอาศัยอยู่แถวพุทธมณฑล. ซึ่งถือว่าเป็นศพรายที่ 19 ที่ฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่อยากจะทำพิธีเลยแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ก็มีแต่ว่าจะต้องช่วยกันในการที่จะประกอบพิธีฌาปนกิจ บำเพ็ญกุศลศพตามประเพณีที่เราควรจะปฏิบัติและลูกๆหลานๆก็จะได้มีโอกาสที่จะร่วมทำบุญ   ไม่ได้เห็นหน้าแม่ผู้เสียชีวิต ไม่ได้มีการบอกกล่าวสั่งเสียทั้งสิ้นเพราะว่าเข้าไปเยี่ยมอะไรก็ไม่ได้อันนี้คือความเจ็บปวดความเจ็บช้ำที่สุดไม่มีโอกาสได้สั่งเสียไม่มีโอกาส ได้สั่งลา นี่คือความเจ็บปวดทุกท่านที่มาร่วมงานก็ร้องไห้อาตมาเห็นแล้วก็ได้แต่ให้กำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งไม่มีโอกาสจะได้เห็นหน้าอะไรกันเลยเห็นแต่รูป และเมื่อรถขนศพได้เคลื่อนเข้ามาลูกๆก็ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจเรียกแม่จนบางคนถึงกับเป็นลมล้มพับเลย เป็นภาพที่น่าหดหู่ใจแก่ผู้พบเห็น จนน้ำตาซึมเสียใจไปกับครอบครัวของผู้สูญเสีย ซึ่งพิษร้ายของโรคโควิด-19ทำให้ พ่อ แม่ต้องจากลูก  ลูกต้องจากพ่อแม่ พี่ต้องจากน้อง อย่างที่ไม่มีโอกาสได้ใก้ลชิด พบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายเลย

หลวงพี่น้ำฝนยังให้โอวาทแก่ญาติผู้เสียชีวิต ว่าโยมวันนี้ลูกๆทั้งสี่คนของคุณแม่จรุง ได้ทำให้สมบูรณ์แบบหมดแล้วถึงแม้จะเป็นเวลาที่สั้นก็จริง แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะฉนั้นโยมเรายังมีชีวิตอยู่ที่ทำสิ่งดีๆอุทิศให้แม่สืบต่อไป เพราะสถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องยอมจำนนเพราะพิษร้ายโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 นั้นมันรุนแรงและน่ากลัวจริงๆมันสามารถฆ่าชีวิตมนุษย์ไปได้อย่างงายดายเหลือเกิน เพราะฉนั้นไม่รู้เลยว่าใครจะตกในที่นั่งแบบนั้น เพราะฉนั้นถือว่าลูกๆทุกคนทำได้ดีแล้ว ขอบุญกุศลนั้นจงส่งผลแก่คุณแม่จรุงให้ได้รับผลบุญผลกุศลที่พวกท่านทั้งหลายมีความกตัญญูกตเวที ถือว่าคุณแม่จรุงมีบุญแล้ว เพราะคนอื่นบางคนไม่มีโอกาสมาเผาศพได้ แต่พวกโยมมากันได้ครบ ถึงแม้จะไม่เห็นหน้า ขอเป็นกำลังใจให้โยมทุกคน

จากการสอบถาม นางกัลญา เกสรชื่น ลูกสาวคุณแม่จรุง ได้พูดให้ผู้สื่อข่าวฟังคุณแม่ติดวันที่ 22 ซึ่งมีอาการไอมากไอจนผิดปกติและวันที่ 23 พฤษภาโทรให้อานมัยมาดูแม่และสาธารณสุขมาตรวจอีกรอบนึง จากครั้งแรกไปตรวจแล้วไม่เจอเชื้อ ครั้งที่สองจึงให้มาดูเพราะไอผิดปกติ และผลออกมาว่าแม่ติดเชื้อก็ส่งโรงพยาบาล ก่อนวันที่23แม่มีอาการเหนื่อยมาก เข้ารักษาถึงวันที่9แม่ก็ไม่ไหวหมอก็ถามว่ายังไงใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะแม่มีโรคประจำตัวหลายโรค จนแม่เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่9นี้ ในส่วนคุณพ่อยังคงรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนครปฐมและยังไม่รู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้ว หมอก็แจ้งว่าคุณพ่อตอนนี้เชื้อลงไปปอดแล้วด้วย พ่อก็บ่นอยากกลับบ้านแต่ก็ไม้ว่าแม่เสียแล้วไม่กล้าบอก ในส่วนที่ติดเชื้อติดจากลูกสาวคือหลานคุณแม่แต่รักษาหายแล้ว ตนเองเป็นคนใก้ลชิดแม่ที่สุดแต่ตรวจไม่พบเชื้อเลย แต่คนในบ้านห้าคนติดไปสี่คนยกเว้นตนเอง คิดว่าวัคซีนมาก่อนคุณพ่อ คุณแม่น่าจะรอด ถ้าคนไทยได้รับวัคซีนคิดว่าคนติดเชื้อคงจะลดลง