Breaking News

นครปฐม    วัดไผ่ล้อมฉุดไม่อยู่! เผาต่อเนื่องศพโควิดเป็นรายที่ 7-หลวงพี่น้ำฝนยันเผาศพโควิดไม่อันตราย

นครปฐม    วัดไผ่ล้อมฉุดไม่อยู่! เผาศพโควิดรายที่ 7-หลวงพี่น้ำฝนยันเผาศพโควิดไม่อันตราย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 เมษายน 2564 ที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมเป็นองค์ประธานในพิธีฌาปนกิจศพ             นายสุรพล นกพึ่ง อายุ 62 ปี มีอาชีพเป็นดีเจเปิดเพลงตามร้านคาราโอเกะ ซึ่งได้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเข้ารับการรักษาตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลเลิศสิน กรุงเทพมหานคร โดยทางญาติได้ติดต่อมาทางวัดไผ่ล้อมเพื่อนำศพมาทำพิธีฌาปนกิจอย่าวเรียบง่าย โดย นางยุวดี ฤทธิเลิศ อายุ 56 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยลูกและญาติจำนวน 5 คน ร่วมพิธีด้วยความเศร้าโศก

โดยทางด้านนางยุวดี ภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน กล่าวว่า หลายวันก่อนทราบข่าวว่าสามีเริ่มมีอาการป่วย เจ็บคอ ถ่ายท้องและมีไข้สูง ตนจึงบอกให้ไปพบแพทย์เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ในร้านคาราโอเกะซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยง แต่ไม่ได้ไปจึงได้เพียงแต่กินยาบรรเทาอาการ หลังจากนั้นช่วง 3-4 วันถัดมา สามีเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก จึงให้เพื่อนของสามีตนนั้นพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยโรงพยาบาลแรกเพียงแค่ซักประวัติ และให้สามีกลับบ้านเนื่องจากไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ 2 แต่สามีนั้นเริ่มมีอาการไม่ไหวเนื่องจากอาการหายใจไม่ออก เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วจึงทำการอัลตร้าซาวน์แล้วแจ้งว่าสามีไม่ได้เป็นอะไร จึงได้ให้ยามาทานและกลับบ้าน

 

นางยุวดีกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นสามีได้โทรหาตนว่าไม่ไหวแล้ว เนื่องจากหายใจไม่ออกและอาการเริ่มทวีคูณ จึงได้ให้ลูกสาวไปหาถึงบ้าน พบว่าคุณพ่อมีอาการหายใจไม่ออก ถ่ายท้อง จึงได้โทรศัพท์เรียกรถมูลนิธิมารับตัวคุณพ่อไป และทางมูลนิธิสันนิฐานว่าอาจเป็นโควิด-19 จึงได้พาไปยังโรงพยาบาลเลิศสิน ทางโรงพยาบาลจึงได้ทำการตรวจและผลออกมาว่าคุณพ่อติดเชื้อโควิด-19 จะต้องทำการเจาะคอเพื่อใส่ท่อหายใจ และตัวคุณพ่อเองมีโรคไตอยู่แล้ว ซึ่งทำให้อาการทวีคุณเพิ่มยิ่งขึ้น

จากนั้นนางยุวดีกล่าวต่อกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่สองที่มานอนโรงพยาบาล คุณหมอแจ้งว่าคุณพ่อมีอาการที่ดีขึ้น หายใจได้ดีขึ้น แต่จะต้องทำการฟอกไต แต่ก็จะมีความเสี่ยงสูงมาก จึงให้ทางครอบครัวทำใจไว้ล่วงหน้า จนเช้ามืดวันถัดมาทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งข่าวร้ายกับทางนางยุวดีว่าสามีได้เสียชีวิตแล้วด้วยอาการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนลูกสาวที่เดินทางไปดูแลคุณพ่อได้ทำการกักตัวตามขั้นตอนเรียบร้อย

นางยุวดีกล่าวว่า ตนได้ให้ลูกชายหาวัดที่สามารถนำศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ไปฌาปนกิจได้บนอินเตอร์เน็ต จึงพบวัดไผ่ล้อมว่ามีการจัดการฌาปนกิจศพจากโรคดังกล่าว จึงได้นำร่างมาทำการฌาปนกิจที่วัดแห่งนี้

ในขณะที่นายชาตรี ม่วงน้อย อายุ 54 ปี ผู้ขับรถตู้ขนส่งหีบศพ กล่าวว่า ตนได้รับงานจากทางโรงพยาบาลเลิศสินให้เข้าไปขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่ทางโรงพยาบาลไม่แจ้งกับตนเลยว่าเป็นผู้ติดเชื้อ ตนจึงไม่ได้มีการแต่งชุดป้องกันอะไรเลยซึ่งเป็นการเสี่ยงทำให้พวกตนที่มาด้วยกัน4คน กับพระสงฆ์อีก1รูป นายชาตรีกล่าวแบบหัวเสีย

ด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ยังได้กล่าวย้ำกับผู้สื่อข่าวอีกว่า การเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะโรงพยาบาลทำการห่อหุ้มร่างผู้เสียชีวิตถึง 3 ชั้น และใส่ในโลงปิดทึบอีก 1 ชั้น และมีการพ่นฆ่าเชื้อก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายเข้าสู่เตาเผา ทางวัดทำมาเป็นศพที่ 7 แล้ว จึงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว แม้ว่าไม่อยากจะจัดพิธีบ่อยครั้งนัก เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย แต่เป็นไปตามสัจธรรมของมนุษย์ และขอเป็นกำลังใจให้กับญาติโยมที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ในเร็ววัน ให้ระมัดระวังตัว กันไว้ดีกว่าแก้ แย่จะแก้ไม่ทัน หลวงพี่น้ำฝนกล่าวทิ้งท้าย