นครปฐม คลื่นคนแห่เจิมรอคิวเจิม นะหน้าทอง วัดไผ่ล้อมหวังสร้างพลังบวกสู้เศรษฐกิจ โควิด ระบาดหนักระลอกล่าสุด
สถิติใหม่ 457 คิว หลวงพี่น้ำฝน นั่งเจิมนะหน้าทอง สูตรหลวงพ่อพูล ยาว 13 ชั่วโมง หลังคลื่นคนแห่จองคิวตั้งแต่เช้าวัดแทบแตก ระบุหวังมีพลังบวกสร้างกำลังใจ ต่อสู้วิกฤติโควิด-19 ระรอกใหม่ทำธุรกิจพังยับ ศิษย์เผยไม่มองเป็นเรื่องงมงายแต่คือการสร้างกำลังใจสุดท้ายที่เหลือในเวลานี้ ขณะของเสี่ยงโชคให้ลาภมีผู้คนแห่ขอดชคลาภกุมาสมบัติ หวังพิชิตกองสลากงวดนี้
วันนี้ 14 มีนาคม 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม มีคลื่นประชาชนได้เดินทางมาเพื่อขอรับคิวเพื่อขอทำพิธีลง นะหน้าทอง เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และขอโชคลาภให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้เป็นผู้ทำการเจิมให้กับญาติโยมที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดเข้ามาปักหลักรอคิวในการเข้าพิธี ซึ่งเป็นการได้มากราบขอพรจากสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล พระพุทธเมตตาประทานพร รวมถึงมาขอโชคลาภจากกุมารสมบัติ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ซึ่งภายในวิหารพระพุทธเมตตาประทานพร ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. หลวงพี่น้ำฝน ได้นำสวดมนต์และกราบบูชาพระรัตนตรัย แต่ที่จะเริ่มพิธีลงนะหน้าทอง ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่มาหวังรอการร่วมเข้าพิธีนับร้อยคนต่างๆทยอยมาลงคิวในการเข้าร่วมพิธีทั้งการลงนะหน้าทองและการเจิมกระเป๋าเงิน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความชุลมุนไม่น้อย กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดคิวเสร็จสิ้น จึงได้เริ่มพิธี โดยหลวงพี่น้ำฝน ได้ทำการเจิมหน้าผากรวม 13 ชั่วโมงมีการพักเบรกให้ฉันอาหารเพลเพียง 10 นาที โดยคิวสุดท้ายมาจบที่เวลา 21.00 น. รวมทั้งหมด 457 คิว ซึ่งถือเป็นสถิติที่เกิดขึ้นใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และคาดว่าเป็นสถิติการลงนะหน้าทอง ที่มากที่สุดเพียงวันเดียวที่เกิดขึ้นในประเทศ
นางสาวชลธิชา วชิราศรีศิริกุล (นก) อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดยโสธร บอกทั้งน้ำตาว่า ตนเองได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับเที่ยวทะเล ที่ห้างแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งจากวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 ระลอกทำให้ธุรกิจพังพินาศ รายได้ที่เคยมีเดือนละ 4-5 แสนบาทต่อเดือน ตอนนี้เหลือแค่ 4-5 พันบาทต่อเดือน และทางห้างไม่ได้ลดคาเช่าร้านให้เลยคือเดือนละ 9 หมื่นบาท ตนเองจึงได้ตัดสินใจปิดร้านไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยแทบไม่เหลือเงินติดตัว
” หนูขับรถเหมือนคนไม่รู้สติไปเรื่อยๆ เพราะคิดอะไรไม่ออกหลายชั่วดมงแล้วไปจอดรถที่ไหนไม่รู้ จนที่บ้านโทมาตามให้มีสติก็ตั้งหลักอีกครั้ง มาค้นหาว่าที่ไหนมีเสริมดวงชะตา ก็มาพบที่วัดไผ่ล้อม จึงได้มารอคิวเพื่อเข้าพิธี เพราะเชื่อว่าวิธีนี้จะเสริมให้ดวงตัวเองดีขึ้นมีพลังมากขึ้นและจะลับมาต่อสู้ทำธุรกิจได้อีกครั้ง วันนี้มารอคิวน่าจะ 5-6 ชั่วโมงเพราะคนเยอะมากแต่ก็จะรอจนกว่าจะได้เจิมนะหน้าทอง อย่างน้อยหนูเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งสุดท้ายที่จะช่วยเหลือหนูได้เพราะบ้านและรถก็ถูกขายและส่คืนไฟแนนท์ไปหมดแล้ว” นางสาวนก บอก
ด้าน นางสาวจูน อายุ 23 ปี บอกว่าตนเองเชื่อในเรื่องพุทธคุณของพิธีการนี้ เพราะเป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจแม้ตนเองจะไม่ได้กกระทบกับวิกฤติที่ผ่านมามากนัก แต่การได้มาลงนะหน้าทองถือว่าเป็นการต่อยอดให้กับตนเองในเรื่องความเอ็นดูจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะสนับสนุนในหน้าที่การงาน ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องงมงายและเป็นสิ่งที่ชาวพุทธนั้นได้กำลังใจในยามบ้านเมืองเกิดวิกฤติแบบนี้ที่ดีที่สุด
ทั้งนี้มีการประเมินกระแสของการแห่มาทำการเข้าร่วมพิธีลงนะหน้าทอง ตำรับของหลวงพ่อพูล โดยหลวงพี่น้ำฝนครั้งนี้ น่าจะเกิดจากสภาวะความตรึงเครียดของพี่น้องประชาชนที่มีกำลังหาความหวังในการดำเนินชีวิตหลังจากเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีพุทธคุณเมตตามหานิยม เรียกทรัพย์ ให้ผลทางด้านการค้าขายและการสำเร็จจากการทำงาน แคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งเป็นสูตรที่หลวงพ่อพูล ได้ใช้มาครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาจนเป็นที่ทราบดีของศิษยานุศิษย์ ซึ่งหลวงพี่น้ำฝน ได้รักษาและสานต่อเอาไว้จนถึงทุกวันนี้
ซึ่งประกอบกับการที่ประเทศไทยกำลังมีการได้รับวัคซีนป้องกันไวรัส ซึ่งทำให้อาจจะมีการคลายล๊อคดาวน์ที่จะทำให้มีการทำงานที่คล่องตัวมากขึ้น รวมถึงส่วนใหญ่ผู้คนที่มานั้นก็มาแสวงหาโชคลาภเพื่อหารายได้ให้กับชีวิตเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว วัดต่างๆ จึงมีประชาชนเดินทางเข้าไปขอดชคลาภมากขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการใกล้ที่จะมีการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล คนที่เข้ามาร่วมพิธีจึงได้หาเลขเด็ด เช่น 457 จำนวนสถิติของคนที่มาเจิมหน้าผาก หรือ 145 คนที่ลงนะหน้าทอง 9 แผ่น 199 คนที่ลงละ 5 แผ่น 193`คนที่ลง 3 แผ่น รวมถึงการล้วงโถเสี่ยงโชคที่ตั้งหน้ารูปปั้นกุมารสมบัติ ซึ่งมีความเอาน้ำแดงและของเล่นมาแก้บนไว้เป็นจำนวนมากด้วย