ฉีดแล้ว Sinovac เข็มแรกพ่อเมืองปทุมธานี 8,000 โดส ล๊อตแรกให้บุคลกรทางการแพทย์ และประชาชนกลุ่มเสี่ยง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มีนาคม 2564 ที่ห้องประชุมบงกชรัศมิ์ ชั้น 8 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อม นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาทำพิธีส่งมอบวัคซีนให้แก่จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีนพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นายแพทย์ประสิทธิ์ มานะเจริญ ผอ.รพ.ปทุมธานี นายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ พร้อมทีมแพทย์พยาบาล และ อสม. ให้การต้อนรับ
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 และการฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัดปทุมธานี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั้นทางจังหวัดปทุมธานีรู้สึกดีใจที่ท่านรัฐมนตรีได้มอบวัคซีนมาให้แก่ชาวปทุม ตามที่จังหวัดปทุมธานี ได้ตรวจพบการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตลาดพรพัฒน์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นั้น จากการค้นหาเชิงรุก พบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปยังพื้นที่ทุกอำเภอ จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมสรรพกำลัง ลงพื้นที่ดำเนินการควบคุมโรค และจัดตั้งกองอำนวยการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ การระบาดได้แล้ว ประกอบกับ กระทรวงสาธารณสุข มีแผนการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จำนวน 4,000 คน สำหรับจังหวัดปทุมธานี โดยกำหนดฉีดวัคซีนเข็มแรกในกลุ่มเป้าหมายดังนี้ คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าของ รพ.ภาครัฐ มหาลัยและเอกชน จำนวน 1,500 คน 2. เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้ง ฝ่ายปกครอง ที่ร่วมดำเนินการในตลาดสุชาติและตลาดพรพัฒน์ จำนวน 1,000 คน 3.กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัวจำนวน 1,000 คน และกลุ่มสุดท้าย คือประชาชนผู้ค้า ในตลาดสุชาติและพรพัฒน์ จำนวน 500 คน ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานี ได้วางแผนการกระจายวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ผ่านกลไกของคณะกรมการโรคติดต่อจังหวัด บนพื้นฐานข้อมูลทางระบาดวิทยา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชนจังหวัดปทุมธานี ในการต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดของโรครวมทั้ง เพื่อสร้างความมั่นในการรับวัดซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19)
ในการจัดงานครั้งนี้นำร่องฉีดวัคซีนให้ประชาชน กลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม ในจำนวน 200 คนแรก และจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนจนครบ 4,000 คนแรก ของจังหวัดปทุมธานี และประชาชนจะใช้ line official หมอพร้อม ในการติดตามเฝ้าระวังอาการผลข้างเคียงภายหลังจากฉีดวัคซีน และแจ้งเตือนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข้มที่ 2 ซึ่งห่างออกไป 3 สัปดาห์ โดยการดำเนินงานครั้งนี่มุ่งหวังให้ประชาชนชาวปทุมธานีมีความปลอดภัยจากการแพร่กระจายโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรการป้องกัน คือ มีระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำ
โดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นคนแรกของจังหวัดปทุมธานี ตามด้วย นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี บุคลกรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขและ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามลำดับ
ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนที่นำมาให้นั้นต้องทำการฉีดให้บุคลกรทางการแพทย์ก่อน บุคลกรทางสาธารณสุข และบุคคลเสี่ยงที่ต้องไปให้การบริการกับผู้ป่วย โดยการเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้นมีขั้นตอนหลายอย่างมาก ซึ่งต้องทำให้เป็นไปตามขั้นเพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดนั้นปลอดภัยที่สุด และต้องปฏิบัติตามขั้นตอน โดยวัคซีนนั้นจะต้องนำไปฉีดให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ซึ่งในขั้นตอนตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการทดลองระบบด้วยว่า ขั้นตอนในการฉีดจะยุ่งยากมากไหม หากยุ่งยากแล้วทำให้ช้าก็จะต้องทำการตัดขั้นตอนออกบ้างเพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยการฉีดชุดแรกๆนั้นทางรัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในชาติ ถึงแม้จะเป็นแรงงานต่างด้าวที่มีความเสียงทางรัฐบาลก็ต้องทำการฉีดให้แก่พวกเขาด้วย เพื่อไม่ได้เป็นพาหะนำเชื้อไปแพร่กระจายต่อ และขอย้ำกับพี้องประชาชนว่าวัคซีนที่นำมาฉีดนั้น รัฐบาลฉีดให้ประชาชนฟรีไม่มีความใช้จ่ายแต่อย่างใด หากพบผู้กระทำผิดมีการเรียกรับผลประโยชน์ในการฉีดวัคซีนให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย