นครปฐม วัดไผ่ล้อมจัดเผาศพโควิด-19 สาธารณสุขนครปฐมดูเป็นต้นแบบวัดอื่นๆ
วัดไผ่ล้อม รับศพเสียชีวิตจากโรงพยาบาลรามาฯ มาเผาเป็นศพแรกในจังหวัดนครปฐม โดยทีมสาธารณสุขนครปฐม ชี้ทำได้มาตรฐานเป็นต้นแบบของวัดทั่วประเทศไทย ญาติเผยผู้เสียชีวิตอายุมากเชื้อลงปอด โดยคนในบ้านติดเชื้อ 5 คน หายหมดแล้ว โดยมีกำลังใจที่วัดไผ่ล้อมเปิดรับไม่ทอดทิ้งคนยามวิกฤติ หลวงพี่น้ำฝน บอก ต้องทำความเข้าใจและเปิดรับถึงจะไม่เกิดความวิตกในการรับศพมาเผาที่วัดและหวังวัดที่ยังกลัวไม่เข้าใจเปิดใจรับศพป่วยด้วยพิษโควิด-19 ทั่วประเทศ
วันที่ 21 เมษายน 63 ที่ศาลา ชีวะศิริ หน้าเมรุ ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ญาติของผู้เสียชีวิตจาการติดเชื้อจากโรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางนำร่างมาเพื่อทำการขอฌาปนกิจศพของชายวัย 50 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ โดยมีครอบครัวและคนสนิทราว 10 คนเดินทางมาร่วมงานด้วยความสงบท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่เดินทางมาติดตามบรรยากาศดังกล่าว
โดยก่อนที่ร่างของชายวัย 50 ปี จะเดินทางมาถึง พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่แผนกฌาปนาสถาน ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และจัดสิ่งของจำเป็นในการการจัดพิธี ซึ่งภายในศาลาจัดเก้าอี้นั่งเว้นระยะตั้งห่างกัน 2 เมตร การซักซ้อมของคณะสงฆ์ที่มีการสวดบังสุกุล รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่จะเคลื่อนโลงศพจากรถเพื่อนำขึ้นตั้งที่หน้าเตาเผา โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรคและเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางมาช่วยประสานการเตรียมความพร้อมต่างๆ เนื่องจากศพดังกล่าวเป็นศพแรกที่จะมีการนำจากกรุงเทพเข้ามาทำการเผา ที่ วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม
โดยเมื่อรถของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่นำร่างของผู้เสียชีวิตมาถึง เจ้าหน้าที่ได้สวมชุดคลุม PPE ป้องกันร่างกายมีการนำน้ำยาฆ่าเชื้อฉีดที่โลงศพซึ่งภายในได้แพ๊คบรรจุด้วยการฆ่าเชื้อตามกระบวนการทางการแพทย์ ขึ้นสู่เตาเผา โดยมีคณะสงฆ์ ทำการ สวดอภิธรรม สวดบังสุกุล และบทเจ็ดพระคัมภีร์ จากนั้น หลวงพี่น้ำฝน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการวางดอกไม้จันทน์ และเริ่มพิธีการเผาอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
ทางด้าน นายแพทย์ทินกร ชื่นชม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กล่าวว่า ในการประสานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม โดยทางวัดไผ่ล้อมได้มีการรับเผาศพที่เกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 และทางหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมได้มีความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ และมีความเข้าใจกับเรื่องนี้ดี ซึ่งที่ผ่านมาวัดไผ่ล้อมก็ได้มีกิจกรรมที่ร่วมกันคือการเปิดศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม อยู่แล้วจึงง่ายต่อการทำความเข้าใจ โดยศพที่นำมาดำเนินการครั้งนี้เป็นการดำเนินการเป็นต้นแบบในจังหวัดนครปฐมและเป็นโมเดลระดับประเทศก็ว่าได้ ซึ่งที่วัดไผ่ล้อมได้มีการคัดกรองคนเข้ามาที่วัด การจัดที่นั่งในพิธีก็มีความห่างที่ชัดเจนถูกต้อง ส่วนสถานที่มีการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน ของทางด้านสาธารณสุข ก็ขอให้ทุกคนมั่นใจได้ ซึ่งการเผาศพรับรองฆ่าเชื้อได้หมดเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นจะถูกฆ่าตายได้เมื่อถูกความร้อนที่ 65 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น
พระปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นกิจที่ต้องทำอยู่แล้ว โดยตลอดมาก็ได้ประสานข้อมูลกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม เรื่องการเผาศพมาทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยศพที่จะมาถึงวัดทางโรงพยาบาลได้มีการแพ๊คมาแล้วอย่างน้อย 3 ชั้นและมีการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดี ซึ่งคนที่ดูข่าวมากและวิตก ร้อยละ 90 นั้นจะเกิดความกลัว แต่ถ้าหาความรู้แล้วเข้าใจเราก็สามารถป้องกันตัวเองได้ไม่ยาก และหวังให้วัดที่ยังไม่เข้าใจและยังปฏิเสธการเผาศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศึกษางานจากหน่วยงานทางการแพทย์ เพื่อรับเผาศพให้กับญาติโยม ทั้งประเทศ
“การที่วัดไผ่ล้อมจัดงานเผาศพฟรีและรับเผาศพทั้งหมดที่มีหลักฐานถูกต้องนั้น โดยทำมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 ปี ผ่านกองทุนหลวงพ่อพูล ซึ่งวัดมีหน้าที่เรื่องนี้ในการสงเคราะห์โยมโดยหลักอยู่แล้วและเป็นการคิดตามหลักขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ให้หลักธรรม คือ คนเราเกิดมาก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา โดยวัดไผ่ล้อมได้ดำเนินการโดยไม่เคยได้บอกบุญเรี่ยราย รับบริจาคจากใครมาก่อน ซึ่งโยมก็เห็นอยู่อย่างที่เห็นและ ถามว่าอย่างหน้ากากจีวรอนามัย นะปัดตลอดเงินไปไหน ก็นี่ไงเรานำมาดำเนินการเป็นสังคมสงเคราะห์แบบที่เห็นนี้ ส่วนในรายนี้ทางญาติได้แจ้งว่าจะขอฝากเถ้าอัฐิไว้ให้กับทางวัดไผ่ล้อมดูแลก่อนแล้วจะกลับมารับ ซึ่งเราก็ยินดีและอยากจะบอกญาติโยมว่าอัฐิที่ถูกเผาแล้วก็สามารถเก็บไว้บูชาตามความเชื่อได้ไม่มีเชื้อคงเหลือแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝน ยังได้กล่าวปิดท้ายว่า กองทุนหลวงพ่อพูลไม่เคยไปเรี่ยราย มีแต่ใครสัทธาด้านใดก็เอามา อย่างเช่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด ก็ได้รับจากนายกเทศมนตรีเมืองไร่ขิง ท่านนายกจำรัส ท่านมาถวายมามอบเองไม่ได้มีการไปบอกบุญหรือขอใครมา ใครนำมาถวายเราก็ใช้ตามที่ท่านมาถวาย แต่หากไม่มีใครมาถวายอาตมาก็ซื้อเองตลอด โดยใช้กองทุนหลวงพ่อพูลในการขับเคลื่อนนั่นเอง
ขณะที่ นายณรงค์ ล่ำดี อายุ 39 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยฯ บอกว่าตนเองเป็นบุตรเขยของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นชายอายุ 50 ปี โดยได้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แจ้งรายชื่อวัดที่มีการเปิดให้มีการเผาผู้เสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้พบรายชื่อวัดไผ่ล้อม จึงได้ประสานเข้ามาในการขอจัดพิธีการ โดยได้รับการประสานและการจัดการเป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกมีกำลังใจกับครอบครัว แต่ไม่ได้ขอรับการเผาฟรี และได้ร่วมทำบุญในการจัดการดังกล่าวกับทางวัดไปเพื่ออุทิศให้กับพ่อตา
สำหรับเมรุ เผาศพของวัดไผ่ล้อม เป็นเมรุเผาแบบไร้มลพิษ ที่มีการใช้การเผาด้วยความร้อนสูง จุดด้วยระบบน้ำมัน 2 หัวฉีด แบบ 2 ชั้น คือชั้นแรกเป็นชั้นเผาศพ จะมีการการใช้ความร้อนมากว่า 1 พันองศาเซลเซียส ในการเผาโลงและร่างของผู้เสียชีวิต ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นชั้นสำหรับการเผาละอองและควัน เพื่อไม่ให้มีควันและกลิ่นลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ เพื่อก่อให้เกิดมลพิษ และเป็นโลงรักษาสิ่งแวดล้อมทำให้มั่นใจว่าไม่มีเศษควันลอยขึ้นไปในบรรยากาศ